Latest update September 5th, 2014 5:36 PM

  • เรียนภาษาอังกฤษ
  • ติดต่อเรา

เรียนภาษาอังกฤษ เรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเอง เรียนภาษาอังกฤษฟรี คำศัพท์ ไวยากรณ์ บทสนทนา การฟัง ภาษาอังกฤษสำหรับเด็ก คุณแม่สอนภาษา ไม่มีค่าใช้จ่าย

What new!

  • ความแตกต่างระหว่าง Bring กับ Take
  • การใช้งาน SHOULD, COULD, and WOULD
  • Common Pattern
  • Baby Animals
  • คำศัพท์น่ารู้ บทที่ 1
  • Home
  • เรียนภาษาอังกฤษ
    • บทเรียนไวยากรณ์
    • บทเรียนการสนทนา
    • บทเรียนการฟัง
    • บทเรียนคำศัพท์
  • ข่าวสารภาษาอังกฤษ
  • ภาษาอังกฤษสำหรับเด็ก
  • follow
    • Facebook
    • Twitter
    • RSS Feed

Common Pattern

Feb 08, 2014 Browniestyle TP Education, Grammar 0


common

ว่าด้วยเรื่อง คำ หรือ กลุ่มคำที่มีความหมายหลายกัน เหมือนกัน แต่หลักการนำไปใช้ต่างกัน จึงได้รวบรวม คำที่คนมักสับสนในการนำไปใช้ดังนี้

1. หลักการใช้ “SO” หรือ “TOO” + Auxiliary verb( Helping verb)

ข้อควรจำ >> มักใช้ในประโยคบอกเล่าเท่านั้น ทั้งนี้ยังใช้เพื่อหลีกเลี่ยงการกล่าวซ้ำของกริยาตัวเดิม ให้รูปประโยคสั้น และสละสลวยมากขึ้น เช่น

a) ประโยคเต็ม    :   She is a nurse and I am a nurse too.

ประโยคลดรูป :  She is a nurse and so am I.    หรือ   She is a nurse and I am too. หล่อนเป็นนางพยาบาล และฉันก็เป็นนางพยาบาลด้วยเช่นกัน

b) ประโยคเต็ม    :   They went shopping at Paragon and I went shopping at Paragon too.

ประโยคลดรูป :  They went shopping so did I.    หรือ    They went shopping and I am too.

พวกเขาไปซื้อของที่พารากอน และฉันก็ไปด้วยเช่นกัน

c) ประโยคเต็ม    :   He has gotten a birthday gift and I have gotten a birthday gift too.

ประโยคลดรูป :  He has gotten a birthday gift and so have I.    หรือ  He has gotten a birthday gift and I am too.

พวกเขาไปซื้อของที่พารากอน และฉันก็ไปด้วยเช่นกัน

**โปรดสังเกตุว่า ถ้าประโยคเต็มเราใช้ กริยา หรือกริยาช่วยตัวใดเราจะใช้ กริยาตัวเดิมนั้น

2. หลักการใช้ “Neither” หรือ “Either” + “Auxiliary”

ข้อควรจำ>> เราใช้เฉพาะประโยคปฏิเสธเท่านั้น และสามารถใช้เพื่อหลีกเลี่ยงการกล่าวซ้ำ ทำให้รูปประโยคสละสลวยยิ่งขึ้น เช่น

a) ประโยคเต็ม : He is not a superstar and I am not a superstar either.

ประโยคลดรูป : He is not a superstar and neither am I.  หรือ  He is not a superstar, I am not either.

เขาไม่ใช่ดาราดัง และฉันก็ไม่ใช่ดาราดังเช่นกัน

b) ประโยคเต็ม : I don’t like Indian food, Max doesn’t like Indian food either. ประโยคลดรูป : I don’t like Indian food neither does Max.  หรือ  I don’t like Indian food, Max doesn’t either.

ฉันไม่ชอบอาหารอินเดีย แม็กไม่ชอบอาหารอินเดียเช่นกัน

c) ประโยคเต็ม : They haven’t drink alcohol, I haven’t drink alcohol either.

ประโยคลดรูป :  They haven’t drink alcohol neither have I. หรือ They haven’t drink alcohol, I haven’t either.

พวกเขาไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ฉันก็ไม่ดื่มแอลกอฮอล์เช่นกัน

**โปรดสังเกตุว่า ถ้าประโยคเต็มเราใช้ กริยา หรือกริยาช่วยตัวใดเราจะใช้ กริยาตัวเดิมนั้น

เพิ่มเติม>> 2.1.ถ้าประโยคเริ่มต้นด้วย neither ไม่มี nor ตาม หรือ ขึ้นต้นด้วย either ไม่มี or ตาม verb จะใช้รูปเอกพจน์เสมอ

Ex. Neither of those dresses fits me.

2.2. คำว่า Neither am I = Nor am I.

Ex. Neither does John…. = Nor does John….

3. หลักการใช้ “Used to” Be Used to” “Get used to” “Be accustomed to” และ “Be accustomed to”

3.1 “Used to” แปลว่า เคย (ต้องตามด้วย verb1 เสมอ)

Ex. I used to be a volunteer at Airport.

ฉันเคยเป็นอาสาสมัครที่สนามบิน

3.2 “Be used to” “Get used to” “Be accustomed to” และ “become accustomed to” ต่างก็แปลว่า เคยชิน… ( แต่ต้องตามด้วยคำ หรือกลุ่มคำ ที่มีภาวะเป็น noun เสมอ หรือตามด้วย verb; verb นั้นต้องเป็น V.1+V.ing เสมอเช่นกััน)

Ex. 3.2.1  I am used to smoking cigars.

ฉันเคยสูบบุหรี่

3.2.2 She will get used to the pain.

หล่อนจะเคยชินกับความเจ็บปวดนั้น

3.2.3 Is he accustomed to cold weather?

เขาเคยชินกับอากาศหนาวไหม

3.2.4 They become accustomed to travelling by train.

พวกเขาเคยชินกับการเดินทางโดยรถไฟ

4. การใช้ “to go by…” และ “to go on…”

4.1 “to go by…” เราจะใช้กับ ยานพาหนะ เช่น bus, train, boat, street, car, plan etc.

Ex. I usually go to grandmother’s house by train.

ฉันมักจะเดินทางไปบ้านย่าโดยรถไฟ

4.2 “to go on…” เราจะใช้กับ คน หรือ สัตว์ ซึ่งเคลื่อนที่ได้โดยใช้เท้าเป็นพาหนะ

Ex. To cross a desert, Prince must go on a camel, not on horseback.

เพื่อที่จะข้ามทะเลสาบ เจ้าชายต้องขี่อูฐ ขี่ม้าไม่ได้

5. หลักการใช้ “Lend” and “Borrow”

5.1 “Lend” (ให้ยืม)

Ex. Please lend me your dictionary.

ฉันขอยืมดิกชั่นเนรี่หน่อย

5.2 “Borrow” แปลว่า ขอยืม…จาก

Ex. I borrowed this pen from Jay.

ฉันยืมปากกาด้ามนี้จากเจ

**สังเกตุว่า “Borrow” ต้องมี “from” ตามเสมอ

6. หลักการใช้ “Consist” และ “composed”

6.1 “consist” แปลว่า ประกอบด้วย- เป็นVerb

Ex. Water consists of oxygen and hydrogen.

น้ำประกอบด้วยอ๊อกซิเจนและไฮโดเจน

6.2 “Composed” แปลว่า ประกอบด้วย -เป็น Adjective

Ex. Air is composed of oxygen and hydrogen.

อากาศประกอบด้วยอ๊อกซิเจน และไฮโดเจน

**สังเกตุ ถ้าเราใช้ Compose เป็น Verb จะมีความหมายว่าแต่งเพลงม เขียนหรือประกอบโน้ตเพลง

Ex. a) John composed many popular songs.

จอนแต่งเพลงโด่งดังมากมาย

7. หลักการใช้ “Raise” และ  “Rise”

7.1 “Raise” แปลว่า ยกขึ้นม ตั้งขึ้น เลี้ยง -เป็น Transitive verb คือต้องมีกรรมมารองรับ

Ex. I rise early because I raise roosters.

ฉันตื่นแต่เช้าตรู่เพราะ ฉันเสี้ยงไก่ไวฝูงหนึ่ง

7.2 “Rise” แปลว่า ลุกขึ้น พระอาทิตย์ขึ้น -เป็น Intransitive Verb คือไม่จำเป็นต้องมึกรรมมารองรับ

Ex.The sun rises in the East and sets in the West.

พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก และตกทางทิศตะวันตก

**สังเกตุ rose เป็น Past tense ของ rise

8. หลักการใช้ “have to…” และ “have got to…”

ข้อควรจำ>>> ถ้าพูดถึงหลักไวยากรณ์ที่เรียนกันมากแล้ว Have to…มีความหมาย เหมือนกับ Must แต่สำหรับ Have got to…นั่นไม่ได้ถูกระบุในไวยากรณ์เป็นเพียงวิวัฒนาการภาษาและนิยมในกลุ่มเจ้าของภาษา เท่านั้น อย่างไรก็ตาม Have to… และ Have got to… มีความหมายเหมือนกันทุกประการ

แต่มีข้อสังเกตุอย่างหนึ่งว่า have got to… นั่นนิยมใช้กับประธาน I, We, หรือ You เช่น

a) I have to go now. = I have got to go now.

ฉันต้องไปแล้วตอนนี้

**สังเกตุ is to…, am to…, are to…, ต่างก็มีความหมาย = must หรือ has to หรือ have to

9. หลักการใช้ “Discover” และ “Explore”

9.1 “Discover” แปลว่า ค้นพบ- เป็น Verb เราใช้กรณีที่หมายถึง ค้นพบสิ่งหนึ่งสิ่งใด หรือดินแดนแห่งหนึ่งแห่งใดเป็นครั้งแรก

Ex. a)Columbus discovered America in 1492.

โคลัมบัสค้นพบประเทศอเมริกาในปี 1492

9.2″Explore” แปลว่า สำรวจ -เป็นVerb เราใช้กรณีที่หมายถึง เดินทางตระเวนไปยังบริเวณหนึ่งๆ เพื่อสำรวจสิ่งต่างๆ และศึกษาค้นคว้าหรือวิจัยถึงความเป็นไปของสิ่งนั้นๆ เช่น

a) Have you ever explored the Northern part of Thailand?

คุณเคยไปสำรวจภาคเหนือของประเทศไทยไหม

10. หลักการใช้  “Event” หรือ “Accident”

10.1 “Event” แปลว่า เหตุการณ์ -เป็นNoun เราใช้ในกรณีที่หมายถึง เฉพาะเหตุการณ์สำคัญๆ ที่เกิดขึ้น เช่น

a) The ruin of Roman Empire was a very great event of world history.

 การล่มสลายของอาณาจักรโรมันเป็นเหตุการณ์ครั้งสำคัญทางประวัติศาสตร์โลก

10.2 “Accident” แปลว่า อุบัตเหตุ -เป็น noun เราใช้ในกรณีที่เหตุการณ์ไม่ได้คาดฝัน หรือโดยบังเอิญ

a) My aunt was killed in a motor-car accident.

ป้าของฉันเสียชีวิตในอุบัติเหตุรถยนต์

Comments

comments


  • Common Pattern
การใช้งาน SHOULD, COULD, and WOULD Baby Animals

Browniestyle TP

Related articles
More in this category
  • ความแตกต่างระหว่าง Bring กับ Take
    ...

    Sep 05, 2014 1

  • การใช้งาน SHOULD, COULD, and WOULD
    การใช้งาน SHOULD,...

    Feb 09, 2014 1

  • Present Simple Tense คืออะไร ?
    Present Simple Tense...

    Aug 26, 2013 0

  • Tense คืออะไร ?
    Tense คืออะไร ?

    Aug 23, 2013 0


Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

  • Popular
  • Latest
  • Tag
  • ความแตกต่างระหว่าง Bring กับ Take
    ความแตกต่างระหว่าง...

    Sep 05, 2014 1

  • การใช้งาน SHOULD, COULD, and WOULD
    การใช้งาน SHOULD, COULD, and WOULD

    Feb 09, 2014 1

  • คำศัพท์น่ารู้ บทที่ 1
    คำศัพท์น่ารู้ บทที่ 1

    Aug 27, 2013 1

  • เริ่มบทเรียนการทักทาย (Greetings)
    ...

    Aug 18, 2013 0

  • ภาษาอังกฤษในบ้าน
    ภาษาอังกฤษในบ้าน

    Aug 20, 2013 0

  • สอนภาษาผ่านเสียงเพลง

    Aug 22, 2013 0

  • ความแตกต่างระหว่าง Bring กับ Take
    ความแตกต่างระหว่าง Bring กับ Take

    Sep 05, 2014 1

  • การใช้งาน SHOULD, COULD, and WOULD
    การใช้งาน SHOULD, COULD, and WOULD

    Feb 09, 2014 1

  • Common Pattern
    Common Pattern

    Feb 08, 2014 0

  • Baby  Animals
    Baby Animals

    Aug 28, 2013 0

  • คำศัพท์น่ารู้ บทที่ 1
    คำศัพท์น่ารู้ บทที่ 1

    Aug 27, 2013 1

  • Present Simple Tense คืออะไร ?
    Present Simple Tense คืออะไร ?

    Aug 26, 2013 0

bring and take bring กับ take Common Pattern Continuous Future Greeting Past Perfect Perfect Continuous Present Present Simple Tense Simple Tense การทักทาย ความแตกต่าง bring กับ take คำศัพท์ คุณแม่ ทักทาย ภาษาอังกฤษ พ่อแม่ ภาษาอังกฤษสำหรับเด็ก ภาษาอังกฤษในบ้าน สอนเด็กผ่านเสียงเพลง สำหรับคุณแม่ สำหรับเด็ก เด็ก เพลงสากลเด็ก เพลงเด็กเล็ก เรียนภาษาอังกฤษ เรียนภาษาอังกฤษฟรี เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ เรียนอังกฤษ เรียนอังกฤษฟรี เรียนอังกฤษออนไลน์ เสียงเพลง
  • ขอบคุณมากๆเลยครับผม...

    6 years ago

  • ขอบคุณค่าะ

    7 years ago

  • ท่องได้วันละ 10 ก็น่าจะได้ ศัพท์เพิ่มขึ้นนะคับ...

    8 years ago

Tags

bring and take bring กับ take Common Pattern Continuous Future Greeting Past Perfect Perfect Continuous Present Present Simple Tense Simple Tense การทักทาย ความแตกต่าง bring กับ take คำศัพท์ คุณแม่ ทักทาย ภาษาอังกฤษ พ่อแม่ ภาษาอังกฤษสำหรับเด็ก ภาษาอังกฤษในบ้าน สอนเด็กผ่านเสียงเพลง สำหรับคุณแม่ สำหรับเด็ก เด็ก เพลงสากลเด็ก เพลงเด็กเล็ก เรียนภาษาอังกฤษ เรียนภาษาอังกฤษฟรี เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ เรียนอังกฤษ เรียนอังกฤษฟรี เรียนอังกฤษออนไลน์ เสียงเพลง

Review

  • ความแตกต่างระหว่าง Bring กับ Take
    ความแตกต่างระหว่าง...

    Sep 05, 2014 1

    เคยสับสนระหว่าง Bring กับ Take...
  • สอนภาษาผ่านเสียงเพลง

    Aug 22, 2013 0

    เพลงสากลเด็กยอดนิยม...
  • ภาษาอังกฤษในบ้าน ตอนที่ 2
    ภาษาอังกฤษในบ้าน...

    Aug 21, 2013 0

    อนอื่นขอเฉลยคำตอบ จาก part...
  • ภาษาอังกฤษในบ้าน
    ภาษาอังกฤษในบ้าน

    Aug 20, 2013 0

    ...

Recent Comments

  • ขอบคุณมากๆเลยครับผม...
    6 years ago
  • ขอบคุณค่าะ
    7 years ago
  • ท่องได้วันละ 10 ก็น่าจะได้ ศัพท์เพิ่มขึ้นนะคับ...
    8 years ago
March 2021
M T W T F S S
« Sep    
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031  
Copyright 2013 Geekenglish.com / All rights reserved
  • เรียนภาษาอังกฤษ
  • ติดต่อเรา